พูดภาษาอังกฤษให้ดี แนวจิตวิทยา ตอนที่ 1 : ให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเด็กฝรั่งที่กำลังเริ่มหัดพูด หัดอ่าน หัดเขียน

พูดภาษาอังกฤษให้ดี แนวจิตวิทยา

ตอนที่ 1 :    ให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเด็กฝรั่งที่กำลังเริ่มหัดพูด หัดอ่าน หัดเขียน

ตอนที่ 2 :    อุปกรณ์และขั้นตอนในการเรียน(ด้วยตัวเอง)

ตอนที่ 3 :    การพูดอ่านและเขียนมีหลักการเดียวกัน 

ตอนที่ 4 :    การหาวัตถุดิบ(หนังสือ อินเตอร์เน็ต คน และแรงบันดาลใจ) 

ตอนที่ 5 :    การหาวัตถุดิบ หรือ Input(2) 

ตอนที่ 6 :    รู้จักการเลียนแบบน้ำเสียง แล้วนำไปใช้ 

ตอนที่ 7 :    สิ่งที่ควรรู้ในการเรียนภาษาอังกฤษ 

ตอนที่ 8 :    มาต่อที่เรื่องของวัตถุดิบ หรือ Input(3)

ตอนที่ 9 :    ยังคงอยู่ที่เรื่องของวัตถุดิบ หรือ Input(4) 

ตอนที่ 10 :  ประสบการณ์การทดลองส่วนตัวในการเรียนภาษาอังกฤษ


เนื้อหาทั้งหมดนี้เรานำมาจากบทความของคุณ คนบ้านเดียวกัน บนเว็บ  pantip.com
ต้องขอขอบคุณคุณ "คนบ้านเดียวกัน" จริงๆที่นำบทความดีๆแบบนี้มาแบ่งปันค่ะ


     ก่อน อื่น ผมขอเเนะนำตัวก่อนน่ะครับว่า ผมเรียนโรงเรียนไทยตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.6 เพิ่งเริ่มมาเรียนในระบบการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษตอน มหาวทิยาลัย ถึงแม้หลายๆคนอาจจะมองว่าผมได้เปรียบเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมขอบอกเลยว่า จะพูดได้ไม่ได้ อยู่ที่ตัวเราเอง มหาวิทยาลัยอินเตอร์ที่ผมเรียนนั้น มีแต่นักเรียนไทย อาจารย์ที่สอนเป็นคนไทยปนๆ กับอาจารย์ประเทศเพื่อนบ้าน เนื้อหาการเรียนการสอนดีครับ แต่ภาษาอังกฤษ ที่อาจารย์ใช้ เหมือนให้ฝรั่งที่พูดไทยพอถูไถมาสอน หนังสือคนไทยยังไงอย่างงั้น 



     ประเด็นผมคือ ผมอยากจะแบ่งปัน กลยุทธ์และประสบการณ์ที่ผมได้ศึกษาด้วยตัวเอง และจากหลายๆแหล่งจนทำให้ผมสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา (อาจจะไม่ 100%) แต่ผมสามารถใช้ภาษาได้ดีกว่าหลายๆคนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพื่อนสนิทผมหลายคนเติบโตเมืองนอก ทำให้ผมสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับเท่ากันกับเพื่อนๆสนิทผมได้ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ผมจะยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำหรือสำนวน หลายอย่างก็ตาม แต่ทุกครั้งที่มีคนใช้ภาษาอังกฤษด้วยเพราะคิดว่าผมใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าวิธีผมนั้นได้ผลได้อย่างดีเยี่ยมในระดับสูงเลยทีเดียว หลายคนคิดว่าผมโตเมืองนอก หรือเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ ผมจะเปิดเผยที่นี่ใน พันทิพย เป็นที่แรก อย่างทุกซอกทุกมุม ให้เพื่อนได้นำไปประยุกต์ใช้น่ะครับ แต่ที่ผมอยากจะชี้แจงตั้งแต่แรกน่ะครับ วิธีผมไม่เน้นให้ได้ไวยากรณ์ร้อย% เน้นพูดให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาทั่วๆไป เหมือนกับฝรั่งพูดไทยได้ แต่เขียนไม่ได้หน่ะครับ


This post wouldn't have any credibility if I did not include an English preamble to prove to you that all those years I have spent studying the language on my own and developping my own approach to mastering the spoken language really paid off. You dont need to sign up for a year long language lesson which could cost up to 60,000 baht where you can spend that money on items you can find in a book shop or a computer store. Most importantly, a commitment. If you wish to improve your English skills, it is required of you to commit to it.


ตอนต่อไป ผมจะพูดถึงระยะแรกๆ ของการเรียนภาษาของผมน่ะครับ"




โทษทีครับ เผอิญมีธุระทั้งวัน เลยไม่ได้มีเวลามาเขียนต่อหน่ะครับ แต่ที่ผมอยากจะบอกทุกคนก่อนว่า ผมได้มีโอกาสไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศน่ะครับ แต่จากประสบการณ์ผมเองและ วิธีการเรียนรู้ทางด้านภาษาและปัจจัยรอบด้าน ทำให้ผมสามารถสรุปได้ว่า อยากพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่จำเป็นต้องไปเมืองนอก ก็จริงอยู่ แต่การสร้างสิ่งแวดล้อมให้เกิดการกระตุ้นในการใช้ภาษาเองนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ


     เอาเป็นว่าผมเริ่มเล่าประวัติการเรียนของผมให้ฟังตั้งแต่เริ่มต้นน่ะครับ ผมเริ่มอ่านภาษาอังกฤษอย่างจริงจังตั้งแต่ตอน ม.4  ตอนนั้นตัดสินใจซื้อ Bangkok Post มาอ่าน และเลือกอ่านข่าวสั้นๆ การเมืองปกหน้าของหนังสือพิมพ์ ปรากฎว่า อ่านได้ไม่ถึงสองบรรทัด ผมต้องกด ดิกชันนารี่ตลอด กดไปจนอ่านถึงย่อหน้าแรก ผมหยุดอ่านทันที เพราะทนไม่ได้ ผมวางดิกลงแล้วเลิกอ่านไปเลย เพราะคิดว่าทำไม มันยากอย่างนี้


     แต่ผมคิดว่าการสร้างจำนวนคำศัพท์ไว้ในความจำมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง แรก ผมท่องหน้ามืดตามัว จากหนังสือพิมพ์อ่านซ้ำไปซ้ำมาปรากฎว่า คำศัพท์เริ่มซ้ำกัน เราเริ่มดีใจเพราะเริ่มอ่านได้มากขึ้น แทนที่จะต้องมานั่งกดดิกกันบ่อยๆ    แต่ที่ผมจะขอย้ำ และสำคัญมากที่สุด ขอให้ท่านผู้อ่านต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเราต้องเริ่ม อ่านภาษาอังฤษจากระดับเด็กอนุบาลเสียก่อน ระดับเด็กอนุบาลของฝรั่งน่ะครับ


     หากเรามองกลับกัน เด็กฝรั่งตัวเล็กๆ เจ้าของภาษาเนี่ยแหละ ก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษดีเท่าไหร่ จริงหรือไม่ครับท่านผู้อ่าน เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มการก่อสร้างระบบภาษาอังกฤษของเราจากที่เราไม่รู้อะไร เลย ( เด็กทารกฝรั่งที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้) ไปยังการท่อง A B C D จริงๆ อาจไม่ต้องถึงขนาดนั้น


     ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านทุกคนในนี้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีพอที่จะพูดแข่งกับฝรั่งตัวน้อยๆได้ ผมเชื่อว่าเราทราบคำศัพท์มากมายที่เด็กฝรั่งเหล่านี่เองก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้เหมือนกัน ทีนี่ ปัญหาที่เรามีนั้นก็คือการสร้างรูปประโยค หากท่านผู้อ่านคนไหนเคยฟังเด็กฝรั่งตัวเล็กๆพูด กับพ่อแม่ เราก็จะทราบได้เลยว่า น้องๆตาสีฟ้าเหล่านี้ไม่ได้ใช้คำศัพท์มากไปกว่าที่เรารู้เรย แต่เขาอาศัยการเรียนรู้ที่จะสร้างประโยคจากพ่อแม่นั้นเอง


     ที่นี้อย่างแรกที่ผมจะแนะนำคือ ให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็น เด็กฝรั่งที่กำลังเริ่มหัด พูด หัด อ่าน หัดเขียนน่ะครับ ผมขอย้ำว่าการคิดแบบนี้สำคัญมาก อย่างแรก เพื่อเป็นการปูพื้นฐานการสร้างประโยคแบบธรรมชาติ อย่างที่สองเพื่อไม่ให้เป็นการสร้างความเครียดในการเรียนภาษา เพราะผู้อ่านบางคน อาจคิดว่า อ่าน ฺBangkok Post หรือ ฟังเพลงฝรั่งมากๆแล้วจะช่วย ช่วยได้ครับ ช่วยให้อ่านได้เร็วขึ้น และพูดประโยคตามเพลงได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ท่านผู้อ่านตกไปอยู่ในสถานการณ์อื่นๆ ที่แม้แต่เพลงหรือหนังสือพิมพ์กล่าวไว้ ท่านผู้อ่านจะคิดเป็นภาษาอังฤษได้ทันหรือไม่ หรือจะโต้ตอบได้เลยหรือไม่ ผมบอกได้เลยว่า ได้ครับ แต่จะเป็นในลักษณะ งูๆ ปลาๆ สื่อใจความได้เป็นพอ แต่ถ้าอยากพูดแบบธรรมชาติน่ะครับ ต้องเชืื่่่อผมดู


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น