พูดภาษาอังกฤษให้ดี แนวจิตวิทยา ตอนที่ 5 : การหาวัตถุดิบ หรือ Input(2)

ตอนที่ 5 :    การหาวัตถุดิบ หรือ Input(2)
เนื้อหาทั้งหมดนี้เรานำมาจากบทความของคุณ คนบ้านเดียวกัน บนเว็บ http://www.pantip.com
ลิงค์บทความ :  http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10586407/K10586407.html
ต้องขอขอบคุณคุณ "คนบ้านเดียวกัน" จริงๆที่นำบทความดีๆแบบนี้มาแบ่งปันค่ะ

"เรื่องของ Input ภาคต่อ"
ข้อความข้างล่างต่อไปนี้คือตัวอย่าง Diary ที่ผมทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ   ผมไม่ได้เขียนเองแต่อย่างใด แต่ผมต้องการสาธิตให้ท่านผู้อ่านเห็นว่าการเรียนภาษาอังกฤษจากสภาวะแวดล้อมที่ใกล้ตัวเรานั้นง่ายแค่ไหนและมีความสำคัญเช่นไร

ตัวอย่าง

ภาษาไทย: ตื่นนอนตอนเช้า – ล้างหน้าแปรง ฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ขับรถไปทำงาน

English: I wake up, brush my teeth, shower, get dressed find my keys and my shoes. ... Eight hours of my life is gone. I get in my car. Traffic for half an hour.

หมายเหตุ: สำหรับข้อความภาษาอังกฤษที่ผมนำมานั้น ผมไม่ได้แปลขึ้นมา จะสังเกตได้จากเนื้อหาที่ไม่เหมือนกันแต่พอมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ผมแนะนำให้ท่านผู้อ่าน นั้นลองใช้ Google หาดูแล้วเลือกเอาว่าภาษาอังกฤษที่ท่านผุ้อ่านเห็นใน ผลลัพธ์ของการค้นหา ข้อความใดหรือบทความใดตรงกับชีวิตประจำวันของผู้อ่านมากที่สุด แต่จำไว้ด้วยน่ะครับว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเหมือนเป้ะทีเดียว ให้มีประโยคใหม่ๆที่ท่านผู้อ่านไม่เคยเห็นหรืออ่านผ่านตามาก่อนบ้าง เพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้สำนวนใหม่เพิ่มขึ้นมาน่ะครับ 

ทีนี้ข้อความบางอย่างเราอ่านปุ้บ เราสามารถแปลได้เลย  อย่างเช่น  I get in my car.....ผมขอถามคำถามหนึ่งน่ะครับ…..หากมีฝรั่งเข้ามาคุยกับท่านผู้อ่าน แล้วให้ท่านผู้อ่านเล่าให้เขาฟังว่า กิจวัตรตอนเช้าของผู้อ่านนั้นมีอะไรบ้าง แล้วให้ตอบเดี๋ยวนั้น ท่านผู้อ่านต้องการจะบอกว่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจากนั้นขับรถไปทำงาน ท่านผู้อ่านจะใช้คำว่า I get in my car หรือไม่ หรือจะข้ามช็อต ใช้คำว่า I drive to work ไปเลย ครับ 

จุดประสงค์ที่ผมจะบอกนั้น คือการใช้ภาษาในการสื่อความหมายในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถพูดได้หลายวิธี แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษที่เราเรียนในกันโรงเรียนระบบการศึกษาของไทย มีแค่มิติเดียวและไม่ได้เน้นหลักสอนไปที่เรื่องของ Expressions หรือการสื่อสารด้วยวิธีพูด สิ่งที่ยังคงหลงเหลือในความจำของเรานั้น ที่เป็น มิติเดียว คือ 

ประธาน + is,am,are+คำคุณศัพท์ หรือไม่ก็ง่ายๆ ประธาน+กิริยา+กรรม เช่น I ride a motorcycle to work คงมีน้อยคนที่อาจจะเคยได้ยินคำว่า  I hop on a motorcycle and go to work  ฉันกระโดดนั่งลงไปบนวินมอเตอรไซต์เพื่อไปทำงาน ใครเรียนคำว่า  hop มาก่อนคงนึกถึงกระต่ายกระโดดเหยงๆ อย่างเดียวไม่คิดว่า เออแฮะ เอามาใช่กับอิริยาบถแบบนี้ก็ได้…….

และนี้ก็คือตัวอย่างและเหตุผลที่ผมต้องการให้ท่านผู้อ่านหา Input ในภาษาอังกฤษที่เขียนด้วยเจ้าของภาษาจริงในบริบทต่างๆ และนำมาประยุกต์ใช้กับของตัวเอง อย่าลืมน่ะครับท่านผู้อ่านยังเป็นเด็กฝรั่งตัวน้อย ที่พร้อมจะเปิดรับความรู้ใหม่ๆที่มีภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร และในการหา Input เข้ามาในตัวเราท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งไปใส่ใจเรื่องไวยากรณ์มากนัก แต่จำไว้เพียงเข้า เจ้าของภาษาเขาใช้กันแบบนี้ ฉันก็จะใช้แบบนี้เหมือนกัน! พอท่านผู้อ่านใช้เวลาในการศึกษาไปนานๆเข้า ท่านผู้เจ้าก็จะเข้าใจไปเองครับ

สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปข้างหน้า ผมอยากให้ท่านผู้อ่านนั้น ทำเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลยก็ได้ ผมจะลักษณะนิสัยทางการพูดของเด็กเป็น ส่วน หากท่านผู้อ่านสังเกตลูกหลานของท่านเองท่านก็จะเข้าใจว่าที่พวกเขาถาม สาเหตุที่พวกเขาพูดเยอะไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นกระบวนการทักษะที่ธรรมชาติได้สร้างให้พวกเขาเองนั้นเกิดการเรียนรู้ขึ้น

1 หัดเป็นคนช่างถาม – เป็นวิธีเลียนแบบหนูน้อยทั้งหลาย เหตุผลนั้น นอกจากผมจะต้องการให้ท่านผู้อ่านถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว สิ่งที่ท่านจะได้รับกลับมาคือคำตอบ เป็นภาษาอังกฤษอันยาวเหยียดจากผู้ที่ท่านพูด ด้วย แต่หากผู้ที่ท่านถามไม่ใช้ฝรั่ง ผมพอจะมีทางลัด พึ่ง Youtube เลยครับ ผมมีตัวอย่าง

http://www.youtube.com/watch?v=JcAuO0PNnrs&feature=related

เป็นบทสัมภาษณ์ของนาย Anderson Cooper จาก CNN ถามเด็กเกี่ยวกับสีผิว (เนื้อหาในคลิปอันนี้เกี่ยวข้องการ racismในสหรัฐอเมริกา) สังเกตการใช้ประโยค ในการถามน่ะครับ และการตอบของเด็กๆซึ่งฟังได้ง่ายมาก ท่านผู้อ่านเองก็สามารถเลียนแบบน้ำเสียงหรือสำเนียงได้เช่นกัน ส่วนอีกคลิปหนึ่ง เป็นพิธีกรลูกครึ่งสัมภาษณ์ทาทายังเป็นภาษาอังกฤษฟังง่ายน่ะครับ แล้วเป็นคนที่พูดไม่เร็วเกินไป ตามลิงค์นี้ไปไดเลย

http://www.youtube.com/watch?v=DiIEm4zNlMM

อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากจะให้ท่านผู้อ่านฝึกถามคำถามให้เก่งๆ อย่างแรกน่ะครับ หากท่านผู้อ่านอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องพูดกับชาวต่างชาติแต่ ท่านผู้อ่านพูดภาษาอังกฤษยาวๆ ยังไม่คล่องมาก ท่านผู้อ่านสามารถยิงคำถามง่ายๆไปได้ เพื่อให้บทสนทนาไหลลื่นไปได้เรื่อยๆ (ผมรอดจากสถานการณ์ เงียบกริบแบบนี้ได้มาหลายครั้งเพราะผมชอบถาม ผมเองก็ได้เรียนรู้จากผู้ตอบอีกทางหนึ่งด้วย)

หากสองคลิปนี้ยังไม่จุใจน่ะครับ ลองหาดูใน Youtube ไปเรื่อยน่ะครับและถ้าผมเจอคลิปดีๆ ผมจะนำมาโพสไว้ให้คราวหน้าน่ะครับ


เนื้อหาทั้งหมดของบทความ พูดภาษาอังกฤษให้ดี แนวจิตวิทยา
ตอนที่ 1 :    ให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเด็กฝรั่งที่กำลังเริ่มหัดพูด หัดอ่าน หัดเขียน
ตอนที่ 2 :    อุปกรณ์และขั้นตอนในการเรียน(ด้วยตัวเอง)
ตอนที่ 3 :    การพูดอ่านและเขียนมีหลักการเดียวกัน 
ตอนที่ 4 :    การหาวัตถุดิบ(หนังสือ อินเตอร์เน็ต คน และแรงบันดาลใจ)
ตอนที่ 5 :    การหาวัตถุดิบ หรือ Input(2)
ตอนที่ 6 :    รู้จักการเลียนแบบน้ำเสียง แล้วนำไปใช้
ตอนที่ 7 :    สิ่งที่ควรรู้ในการเรียนภาษาอังกฤษ
ตอนที่ 8 :    มาต่อที่เรื่องของวัตถุดิบ หรือ Input(3)
ตอนที่ 9 :    ยังคงอยู่ที่เรื่องของวัตถุดิบ หรือ Input(4)
ตอนที่ 10 :  ประสบการณ์การทดลองส่วนตัวในการเรียนภาษาอังกฤษ


ติดตามตอนต่อไป คลิ๊กที่นี่ค่ะ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น